ทำไมคนกลุ่มประเทศนอร์ดิกยอมจ่ายภาษีที่สูง
ในกลุ่มประเทศนอร์ดิกที่มีระดับภาษีที่สูงที่สุดในโลก ตัวอย่างกรณีประเทศเดนมาร์ก ฟินแลนด์ และสวีเดนมีระดับภาษีที่สูงมาก แต่ประชาชนในกลุ่มประเทศข้างต้นก็ยอมรับกับภาษีที่สูงมากขนาดนี้ แน่นอนว่าการมีระบบสวัสดีการที่ดี บริการทางสังคมที่หลากหลายและสวัสดิการครอบคลุม เช่น การดูแลเด็ก การศึกษา การดูแลด้านสุขภาพ การดูแลผู้สูงอายุและบริการสังคมอื่นๆ อีกมากมายที่เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประชาชนยอมรับกับภาษีที่สูง
การเมืองที่มีการกระจายอำนาจสู่ความพอใจในการจ่ายภาษี
การบริการทางสังคมต่างๆ “รัฐบาลท้องถิ่น” มีหน้าที่ในการจัดหาบริการสวัสดิการ และมีอำนาจในการบริหารจัดเก็บภาษี อย่างไรก็ตามรัฐบาลท้องถิ่นไม่สามารถบริหารงานล้มเหลวได้เลย ซึ่งในประเทศเดนมาร์ก และสวีเดนจะมีการตรวจสอบโดยเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย ส่วนในประเทศฟินแลนด์ กฎหมายระบุว่ารัฐบาลท้องถิ่นไม่สามารถล้มเหลวได้ สิ่งที่ทำให้การบริหารจัดเก็บภาษีและการบริการทางสังคม การจัดสวัสดิการ ดำเนินงานต่อไปได้ มาจากระบบการเมืองที่รัฐบาลท้องถิ่นมีอำนาจในการบริหาร โดยรัฐบาลท้องถิ่นและสถาบันต่างๆจะมีขนาดที่เหมาะสม โดยทั่วไปแล้วเทศบาล (municipalities) นอร์ดิกจะมีประชากรมากกว่าเทศบาล (municipalities) ของประเทศอื่นๆ การบริหารต่าง ๆ ดำเนินการโดยมีคณะกรรมการที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย (democratically) โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งในท้องถิ่น ซึ่งกลุ่มประเทศนอร์ดิกมีอัตราการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งท้องถิ่นสูงมากและมีการจัดอันดับจากทั่วโลกว่า ในประเทศเดนมาร์ก สวีเดน และฟินแลนด์ มีการทุจริตในระดับที่ต่ำและระดับประสิทธิผลของรัฐบาลกับความไว้วางใจของประชาชนอยู่ในระดับที่สูง จะเห็นว่านอกจากบริการทางสังคมที่หลากหลายและสวัสดิการที่ครอบคลุมเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประชาชนยอมรับในภาษีที่สูงแล้ว ปัจจัยทางการเมืองที่มีการกระจายอำนาจก็เป็นส่วนสำคัญเช่นกัน ที่รัฐบาลท้องถิ่นมีอำนาจในการบริหารทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง สามารถตรวจสอบ และต่อรองอำนาจได้ เกิดความไว้วางใจ (trust) จากประชาชน การให้บริการส่วนใหญ่ดำเนินโดยรัฐบาลท้องถิ่นที่สามารถเก็บภาษีได้เองและบริหารโดยระบอบประชาธิปไตยในท้องถิ่นซึ่งทำให้รัฐบาลมีความรับผิดชอบสูงต่อพลเมืองและประชาชนในประเทศ
ความสำคัญของระบบการจัดเก็บภาษีในกลุ่มประเทศนอร์ดิก
ประชาชนในกลุ่มประเทศนอร์ดิกมีการจ่ายภาษีอัตราก้าวหน้า กล่าวคือร้อยละของภาษีที่ต้องจ่ายจะสูงขึ้นตามจำนวนของรายได้ เงินภาษีจะถูกหักจากเงินเดือน โดยทุกคนจะต้องจ่ายภาษีรวมทั้งบริษัทต่างๆด้วย ซึ่งในการจัดเก็บภาษีของประเทศเดนมาร์ก สวีเดน และฟินแลนด์ถูกจัดเก็บผ่านระบบดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้การเก็บ “ภาษีหัก ณ ที่จ่าย” (withholding tax) นายจ้างจะหักภาษีก่อนจ่ายค่าจ้างและภาษีเหล่านั้นจะถูกเก็บผ่านระบบดิจิทัล กล่าวคือนายจ้างหักภาษีและจ่ายแทนพนักงานทุกเดือน ทำให้เลี่ยงภาษีได้ยากมาก โดยนายจ้าง ธนาคาร สถาบันการเงินมีหน้าที่ให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับภาษีให้แก่หน่วยงานด้านภาษี ซึ่งทำให้มีความน่าเชื่อถือและช่วยลดช่องว่างทางภาษี และฐานภาษีของประเทศเดนมาร์ก สวีเดน ฟินแลนด์ มีขนาดใหญ่ครอบคลุมเงินได้ทุกประเภทและมีการลดหย่อนภาษีได้อย่าง ‘จำกัด’ ซึ่งก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เลี่ยงภาษีได้ยากมาก
จากระบบการจัดเก็บภาษีจะเห็นว่าการจัดการภาษีถูกให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะภาษีต้องจ่ายไปกับการบริการทางสังคม การจัดสวัสดิการ แม้ว่าจะมีการเก็บภาษีที่สูง เมื่อเปรียบเทียบระบบในกลุ่ม OECD พบว่าประเทศเดนมาร์ก สวีเดน และฟินแลนด์ไม่ได้มีประสิทธิภาพน้อยกว่าระบบการจัดเก็บภาษีของประเทศอื่นๆ ในกลุ่ม OECD โดยทั้งสามประเทศใช้จ่าย GDP ในสัดส่วนสำหรับการบริการทางสังคมที่น้อยกว่าสหรัฐอเมริกา เยอรมนี หรือฝรั่งเศสใช้
ภาษีสูง ไม่ได้ทำให้การลงทุนในประเทศหายไป
เมื่อพูดถึงการลงทุน แม้ว่ากลุ่มประเทศนอร์ดิกจะมีระดับภาษีที่สูงที่สุดในโลก อย่างในประเทศฟินแลนด์มีการเก็บภาษีรายได้บุคคลธรรมดา ภาษีนิติบุคคล สูงกว่าและได้มากกว่าประเทศไทย จะเห็นว่าประเทศไทยเก็บภาษีได้น้อยกว่า ในขณะเดียวกันประเทศไทยมีการลงทุนน้อยกว่าประเทศฟินแลนด์อย่างมาก อีกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือบริษัทจากอเมริกาประมาณ 50% จากทั้งหมด มีการลงทุนในกลุ่มประเทศนอร์ดิก เหตุผลที่ทำให้มีการลงทุนสูงในกลุ่มประเทศนอร์ดิกเลยพบว่า คนมีรายได้สูง ความเหลื่อมล้ำน้อย ทำให้ประชาชนมีศักยภาพในการบริโภคสูง และระบบการศึกษาฟรีทุกคนเข้าถึงการศึกษา ทำให้แรงงานมีศักยภาพสูง สะท้อนให้เห็นว่าต่อให้มีระดับภาษีที่สูงแต่ประชาชนมีศักยภาพสูงในการทำงาน และมีศักยภาพในการบริโภค ทำให้เกิดการลงทุนสูงมากในกลุ่มประเทศนอร์ดิก ซึ่งการที่มีการลงทุนสูงในประเทศ ก็ทำให้มีอัตราการว่างงานในประเทศต่ำด้วย
ความพอใจของชาวนอร์ดิก และความความคุ้มค่าจากการจ่ายภาษี
พลเมืองของประเทศเดนมาร์ก สวีเดน และฟินแลนด์ มีความพอใจกับอัตราภาษีที่สูง มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าพลเมืองยินดีจ่ายภาษีสูงหากรู้สึกว่ามันคุ้มค่า การศึกษาของ University of Gothenburg พบว่าเดนมาร์ก สวีเดน และฟินแลนด์อยู่ในอันดับที่ 1-3 ในสหภาพยุโรป เมื่อพูดถึงความคุ้มค่าของภาษี และพลเมืองมักจะพอใจกับบริการทางสังคมที่พวกเขาได้รับ โดยแบบสำรวจระหว่างผู้ปกครองที่มีลูกในสถานรับเลี้ยงเด็กหรือโรงเรียนประถม ผู้ป่วยในโรงพยาบาล ผู้สูงอายุที่ได้รับการดูแลและผู้รับบริการอื่น ๆ ของบริการสาธารณะในประเทศดังกล่าวอยู่ในระดับพึงพอใจมากกับการให้บริการของรัฐ
มีหลายปัจจัยที่ทำให้ประชาชนในประเทศนอร์ดิกมีความพึงพอใจและยอมรับกับภาษีสูงไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการรวมตัวของสหภาพแรงงานที่ต่อสู้เรียกร้องรัฐสวัสดิการเพื่อทุกคนในสังคม แล้วกลุ่มประเทศนอร์ดิกก็ถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่ประชากรมีความสุขที่สุดในอันดับต้น ๆ ของโลก จะเห็นว่าการเสียภาษีในอัตราที่สูงนั้นคุ้มค่ามากกว่าการบริการที่ประชาชนได้รับกลับมา มากกว่านั้นมันทำให้ประชาชนรู้สึกว่าตนมีส่วนร่วมทางการเมือง และเป็นเจ้าของสังคมนั้นๆ ทำให้มีความไว้วางใจ (trust) กันในสังคม ลองนึกภาพระหว่างสังคมที่เราเสียภาษีน้อย มีลดหย่อนบ้าง แต่อดทนทำงานเพื่อเงิน 6 วันต่อสัปดาห์ ใช้เวลาเดินทางไปทำงานด้วยรถยนต์ 1-2 ชั่วโมง ต้องจ่ายเงินค่าเล่าเรียนมหาวิทยาลัย จ่ายประกันเอกชน ยามป่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลโรงพยาบาลเอกชน กับอีกสังคมที่เราต้องเสียภาษีที่สูงแต่มีวันลาพักร้อน 5 สัปดาห์ต่อปี ถ้ามีลูกก็ได้เรียนมหาวิทยาลัยฟรี มีระบบขนส่งสาธารณะที่ทำให้สามารถวางแผนการเดินทางได้ มีเงินบำนาญไว้ดูแลตนเองในวัยชรา
เราอยากมีชีวิตในสังคมแบบไหน?
สามารถรับชมวิดีโอ รัฐสวัสดิการ: “เห้ย แต่ภาษีเค้าแพงอ่ะ!” ได้ที่
Department of Political Science University of Gothenburg Sweden, Measuring the quality of government and subnational https://ec.europa.eu/regional_policy/sources/docgener/studies/pdf/2010_government_1.pdf
The Nordic models https://www.kommunekredit.dk/wp-content/uploads/2017/08/TheNordicModel.pdf
World Happiness Report 2021 https://happiness-report.s3.amazonaws.com/2021/WHR+21.pdf
ภาพประกอบจาก Sweden.se